ความฝันในวัยเด็กที่จำได้ไม่เคยลืม เรื่องลี้ลับหรือแค่บังเอิญ

ความฝันคือสิ่งที่ทุกคนต้องเคยเจอ  บ้างก็ฝันจากเรื่องราวในชีวิตชีวิตประจำวัน เรื่องการทำงาน เรื่องเรียน ฝันถึงสิ่งที่ปรารถนาให้เป็นจริง เขาว่ากันว่าความฝันมาจากจิตใต้สำนึก สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือฝันร้าย ทุกคนอาจจะเคยฝันร้ายกัน ถ้าตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่พร้อมกับเรื่องราวของฝันร้ายคงจะรู้สึกเฟลไม่น้อย แต่ยังไงมันก็เป็นเพียงแค่ความฝัน

ความฝันในคืนหนึ่ง ที่ยังสับสนว่าเรื่องจริงหรือแค่ฝันไป

เรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเอง เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ในตอนนั้นผู้เขียนอายุ 7-8 ปี ความฝันในคืนแรก เป็นภาพของสวนสาธารณะในตอนกลางคืนที่ดูเงียบสงบ มีแสงไฟเป็นช่วงๆ และมีต้นไม้ที่ถูกตัดเป็นบล็อกเป็นทางทอดยาว เด็กหญิงคนหนึ่งกำลังนั่งรถและขับผ่านบล็อกต้นไม้นั้น ในความเงียบที่ดูสงบนั้น หนึ่งในช่องบล็อกของต้นไม้มีชายชุดดำดวงตาสีแดงยืนอยู่ที่ปลายทางเดิน คล้ายกำลังยืนจ้องมองมา ความฝันในคืนแรกจบลงเพียงเท่านั้น เด็กหญิงยังคงไม่คิดอะไรมาก แต่ก็ดูเป็นฝันที่แปลกพอสมควร

ความฝันในคืนที่สอง ชายชุดดำกลับมาอีกครั้ง

ความฝันในคืนที่สองเริ่มต้นขึ้นหลังจากความฝันแรกประมาณสองอาทิตย์  ความฝันในครั้งนี้สถานที่เป็นสวนสาธารณะในตอนกลางคืนที่เดิม แต่ครั้งนี้ดูแปลกไป เพราะภาพที่เห็นมีเส้นยาวสีแดงที่พื้น ฝั่งที่เด็กหญิงยืนอยู่คือสวนสาธารณะ และอีกฝั่งหนึ่งของเส้นสีแดงคือชายชุดดำ ที่ยืนอยู่ ด้านหลังเป็นกลุ่มชายชุดดำดวงตาสีแดงลักษณะเดียวกันยืนอยู่อีกหนึ่งกลุ่ม และสถานที่ที่เส้นสีแดงแบ่งนั้นฝั่งนั้นมีแต่ความมืด มองไม่เห็นอะไร เหมือนโลกทั้งสองถูกแบ่งออก ชายชุดดำได้ยื่นมือมาแล้วพูดกับเด็กหญิงว่า ”มาอยู่ด้วยกันไหม“ เด็กหญิงได้ตอบกลับไปว่าไปอยู่ด้วยไม่ได้หรอก เมื่อโตขึ้นยังต้องดูแลแม่และครอบครัว ชายชุดดำตอบกลับมาว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวจะพาไปบอกลาก่อนไป ภาพได้ตัดไปที่เด็กหญิงกำลังไปบอกลาทุกคนในครอบครัว เมื่อบอกลาครบแล้วภาพตัดกลับมาที่เดิม ในขณะนั้นเด็กหญิงกำลังก้าวขาเพื่อที่จะข้ามผ่านเส้นสีแดง ได้มีเด็กชายคนหนึ่งตะโกนเรียกห้ามว่าอย่าไป และได้วิ่งเข้ามาจับมืออีกข้างหนึ่ง จึงเกิดการดึงยื้อกันระหว่างสองฝ่าย ในช่วงนี้เองทำให้เด็กหญิงได้สะดุ้งตื่นขึ้นจากความฝัน ด้วยความที่เด็กและยังไม่เข้าใจในความฝันนี้จึงไม่ได้เล่าให้ใครฟัง แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปก็ยังจำความฝันนี้ได้ไม่เคยลืมและได้แต่นึกย้อนไปว่าความฝันนั้นจริงๆแล้วคืออะไร

ฝันร้ายจะไม่ส่งผลต่อเรา หากเราไม่เก็บมาใส่ใจ

ไม่ว่าความฝันที่เกิดขึ้นจะเป็นฝันดีหรือฝันร้าย  มันอาจจะเป็นเพียงสิ่งที่จิตของเราปรุงแต่งขึ้นมาในยามที่เราหลับ หากเป็นฝันดีก็นับว่าเป็นโชคดีได้ตื่นมาพร้อมกับความสดใส แต่หากเป็นฝันร้ายก็จงรู้ไว้เพียงว่า นั่นเป็นเพียงแค่ความฝัน โลกแห่งความจริงที่เราต้องออกไปใช้ชีวิต คือโลกหลังจากการตื่นนอนนี้ต่างหาก

อ้างอิง

[1] zinus. (January 29,2023). ความลับของความฝัน. Retrieved from zinus

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Exit mobile version